จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2562

คนแวงใหญ่ : หลักฐานทางโบราณคดีในวัฒนธรรมขอม


คนแวงใหญ่ : หลักฐานทางโบราณคดีในวัฒนธรรมขอม
ไม่ได้อพยพมาจากไหน
          เมื่อพูดถึงเรื่องราวในอดีตหรือความเป็นมาของท้องถิ่น คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงประเด็นการอพยพเป็นส่วนใหญ่ ปฏิเสธไม่ได้ว่าได้รับแนวความคิดแบบชาตินิยมมาตั้งแต่สมัยการสร้างชาติไทยที่เริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม โดยใช้ประวัติศาสตร์เป็นตัวอธิบาย ซึ่งมีความคิดหลักว่า เราเคลื่อนย้ายหรืออพยพมาที่ไหนสักแห่ง จนมาตั้งหลักแหล่ง ณ แห่งนี้ ซึ่งเมื่อพิจารณาจากหลักฐานทางโบราณคดี โบราณวัตถุ หลักงานทางประวัติศาสตร์ กลับพบว่ามีผู้คนอาศัยอยู่ในบริเวณนั้นๆ มาแต้วตั้งแต่สมัยโบราณ
          ในพื้นที่อำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น ถึงแม้จะไม่ได้มีโบราณสถาน หรือโบราณวัตถุที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ แต่ก็มีหลักฐานที่ทำให้ทราบได้ว่ามีผู้คนอยู่ในพื้นที่ที่เป็นอำเภอแวงใหญ่มาแล้วประมาณ 1,800  ปี คือตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่  12 - 18 เป็นต้นมา นั้นคือกู่สระสิงห์ ตั้งอยู่ที่บ้านนาโพธิ์ ตำบลโนนสะอาด และกู่แก้ว ตั้งอยู่ที่บ้านโนนใหญ่ ตำบลคอนฉิม  รวมทั้งแหล่งหินตัดภูคอกม้า ตั้งอยู่ที่บ้านป่าไม้งาม ตำบลโนนทอง


ฐานเทวรูปที่เท้า ที่พบในบริเวณกู่สระสิงห์
ที่มา : เพจปราสาทหินถิ่นแดนไทย

โบราณสถานที่พบในกู่แก้ว บ้านโนนใหญ่ ตำบลคอนฉิม
ที่มา : เพจบ้านโนนใหญ่ อ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น

แหล่งหินตัดภูคอกม้า บ้านป่าไม้งาม ตำบลโนนทอง
ที่มา : เว็ปไซด์องค์การบริหารส่วนตำบลโนนทอง

เมื่อมีศาสนสถานก็แสดงให้เห็นว่าต้องมีคน และต้องเป็นชุมชนขนาดใหญ่พอสมควร จึงจะมีแรงงานในการสร้างโบราณสถานได้ เมื่อกล่าวถึงคนหรือแรงงาน เป็นปัจจัยสำคัญ คงเป็นไปได้ว่าศูนย์กลางหรือเมืองหลวงให้หัวหน้านายช่างหรือช่างหลวงและช่างที่มีฝีมือ เดินทางเข้ามาในพื้นที่และใช้คนในพื้นที่เป็นลูกมือในการก่อสร้าง และเมื่อก่อสร้างเสร็จก็ให้คนในพื้นที่เป็นผู้ดูแลศาสนสถาน ทำให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมและการมีอยู่ของคน ในพื้นที่ที่มีการสร้างศาสนถานในวัฒนธรรมขอม ดังนั้นในพื้นที่ที่เป็นอำเภอแวงใหญ่ จึงมีคนมาตั้งแต่สมัยขอมเรืองอำนาจแล้ว

ภาพจำลองศาสนสถาน ซึ่งจินตนาการให้เห็นชุมชนรอบๆโบราณสถาน
ที่มา  : เพจปราสาทหินถิ่นแดนไทย


กู่ที่พบในแวงใหญ่สร้างขึ้นเมื่อใด ?
สันนิษฐานว่าโบราณสถานทั้ง 2 แห่ง ที่พบในอำเภอแวงใหญ่ น่าจะสร้างในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12 – 18 และเป็นไปได้ที่สุดคือสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ (พ.ศ. ๑๗๒๔ - ๑๗๖๒ ราชวงศ์มหินทรปุระ) ซึ่งถือเป็นยุครุ่งเรืองของอาณาจักรเขมร ขยายอาณาเขตได้กว้างไกล และเนื่องจากทรงนับถือพระพุทธศาสนาลัทธิมหายานจึงโปรดฯ ให้สร้างศาสนสถานต่าง ๆ ไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งในเขตเมืองและนอกราชอาณาจักร นอกจากนี้ยังโปรดฯ ให้สร้าง อโรคยาศาล หรือโรงพยาบาลทั่วราชอาณาจักรอีกหลายแห่ง ดังนั้นทางตอนบนของประเทศไทยจึงพบโบราณสถานอิทธิพลขอม หรือศิลปะเขมร หรือศิลปะลพบุรี จำนวนมาก ทั้งที่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณถานของกรมศิลปากร และยังมีอีกหลายแห่งที่ยังไม่ได้สำรวจ หรือขุดแต่ง เนื่องจากขาดบุคลากร ขาดงบประมาณ

ภาพแหล่งโบราณวัตถุ โบราณสถานวัฒนธรรมเขมรที่สำรวจโดยผู้สนใจ
ภาพจาก : เพจปราสาทหินถิ่นแดนไทย

ภาพแหล่งโบราณสถานวัฒนธรรมเขมรที่สำรวจโดยผู้สนใจ
ภาพจาก : เพจปราสาทหินถิ่นแดนไทย