“หนัง”
ชื่อที่ทุกคนคุ้นเคย หรือชื่อเต็มของมันก็คือ ภาพยนตร์ ( Movies) เป็นสิ่งที่เข้ามามีอิทธิพลต่อสังคมไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๗๐ เป็นต้นมา
เป็นสิ่งที่เข้ามามีอิทธิพลทางความคิดและการกระทำ ที่เรียกว่าพฤติกรรมลอกเลียนแบบ (Reproduction) เป็นกระบวนการที่ผู้เรียนแปรสภาพสิ่งที่จำได้
ออกมาเป็นการกระทำหรือแสดงพฤติกรรมที่เหมือนหรืใกล้เคียงตัวแบบ
ภาพยนตร์ยังแพร่กระจายเข้าสู่สถาบันต่างๆอย่างรวดเร็วเนื่องจากการพัฒนาเทคโนโลยี อาจกล่าวได้ว่าภาพยนตร์เป็นตัวสร้างการคิดและการกระทำให้กับสังคม
และบางครั้งสังคมก็เป็นตัวที่ทำให้ภาพยนตร์ต้องสร้างรูปแบบนั้นขึ้นมาเพื่อสะท้อนสังคม
จากการวิเคราะห์และศึกษาหนังที่เกี่ยวกับสภาพอีสานตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๐
–
๒๕๕๔ พบว่า ภาพยนตร์เรื่องลูกอีสาน "ลูกอีสาน" จากประสบการณ์
ด้วยภาษาที่ตรงไปตรงมา และแสดงให้เห็นวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ของชาวอีสานว่า
ต้องเผชิญ กับความยากลำบากอย่างไร การเรียนรู้ ที่จะอดทน เพื่อเอาชนะ
กับความยากแค้น ตามธรรมชาติ ด้วยความมานะบากบั่น ความเอื้ออารี
ที่มีให้กันในหมู่คณะ ความเคารพในผู้อาวุโส สิ่งเหล่านี้ ปรากฏอยู่ใน "ลูกอีสาน" แล้วคุณจะรู้ว่าคนอีสานเขามีวิถีชีวิตเป็นอย่างไร
จงมองอย่างที่เขาเป็น อย่ามองอย่างที่คุณอยากให้เป็น แล้วคุณจะเห็นความจริง
นอกจากนี้ภาพยนตร์เรื่องนายฮ้อยทมิฬ , คนไฟบิน แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชาวอีสาน
สภาพอีสาน โดยเน้นที่รูปแบบการค้า ที่เรียกว่าการค้าควายต่าง
นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการกดขี่ของผู้มีอำนาจส่วนกลาง การต่อสู้ของชาวบ้านต่ออำนาจรัฐ
ส่วนภาพยนตร์เรื่องปัญญาเรณู ได้แสดงให้เห็นถึงสภาพอีสานร่วมสมัยที่แฝงไปด้วยความเชื่อดั่งเดิม
เช่น ผีแม่ม่าย เป็นต้น และอันสุดท้ายคือภาพยนตร์เรื่องครูบ้านนอก ได้แสดงให้เห็นถึงสภาพอีสาน
และการเข้ามามีอิทธิพลของกลุ่มนายทุน
โดยมีคนในพื้นที่ที่ยอมต่อการกดขี่เป็นลูกน้อง ส่วนคนที่ไม่ยอมก็จะถูกกลั่นแกล้ง
เช่น ครู(พระเอก) เข้าไปยุ่งเรื่องการค้าไม้ของกลุ่มนายทุน แต่สุดท้ายก็โดนยิงตาย