การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชุมชนหนองบัวแปะในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ – ๒๕๕๐ นั้น ได้เป็นจุดเปลี่ยนให้ชุมชนหันมามองตนเองมากขึ้นเพื่อความมีวิถีชิตที่เป็นอยู่ โดยการนำของชาวบ้านด้วยกันเองประกอบกับการได้รับปัจจัยภายนอก ปัจจัยภายนอกที่สำคัญคือการที่องค์การแพลนแห่งประเทศไทยได้เข้ามาสนับสนุนให้เกิดกลุ่มโครงการต่างๆในชุมชน ทำให้ชุมชนหนองบัวแปะได้มีการรวมกลุ่มที่มั่นคงชาวบ้านไม่ต้องออกไปทำงานนอกชุมชน
เรื่องของการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ลดต้นทุนการผลิต โดยการใช้ ปุ๋ยธรรมชาติแทนปุ๋ยเคมี ทำให้คนในชุมชนเริ่มมองเห็นความสำคัญของสิ่งที่มีในชุมชน มองถึงความปลอดภัยของสุขภาพ การจัดการทรัพยากรในชุมชน ให้เกิดประโยชน์ การนำภูมิปัญญามาใช้ในการผลิต มีการส่งเสริมการรวมกลุ่มผลิตสินค้า หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีทั้งประสบผลสำเร็จและล้มเหลว เนื่องจากว่าบางกลุ่มทำเพราะนโยบาย ทำเพื่ออยากได้ทุนหรือเงิน ลืมถามตัวเองว่า สิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่ตนต้องการและจำเป็นในชีวิตประจำวันหรือไม่ ชุมชนต้องการหรือไม่ ถามแต่กันว่าทำอย่างไร ไม่เคยถาม ว่า “ทำไปทำไม” ซึ่งถือได้ว่านโยบายนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมาก การทำงานกลุ่มมีมากขึ้น แต่ส่วนมากกลุ่มจะอยู่ไม่ได้เนื่องจากการทำที่มุ่งเน้นเรื่องธุรกิจมากกว่าการทำเพื่อพออยู่พอกิน ทำให้ต้องดิ้นรน เกิดภาวะกู้หนี้ –ยืมสิน
ในด้านเงินทุน มีทุนมาให้ประชาชนลงทุนทำธุรกิจ กองทุนบ้านละ หนึ่งล้านบาท ซึ่งมีทั้งผลดี ผลเสีย ผลดีสำหรับผู้ที่นำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ ทำให้มีทุนในการประกอบอาชีพ มีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ผลเสียสำหรับผู้ที่ไม่ทำตามวัตถุประสงค์ เกิดภาวะหนี้เพิ่ม แต่ในขณะเดียวกัน ถ้ากองทุนใด สามารถบริหารจัดการได้ ก็มีทุนสำหรับพัฒนาชุมชนได้
ผลของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการประกอบอาชีพ
จากสถานการณ์ด้านต่างๆของชุมชนทำให้เห็นว่าเห็นว่า หากชุมชนยังมีการพัฒนา ทีมีผู้นำแห่งการพัฒนาที่เข้มแข็ง และมีผู้นำรุ่นใหม่เข้ามาช่วยแล้ว ชุมชนหนองบัวแปะจะเป็นชุมชนที่น่าอยู่ ด้านเศรษฐกิจจะดีขึ้น ถ้าวิเคราะห์จากการทำกิจกรรมทางการเกษตรที่เป็นลักษณะเชื่อมโยง เพราะปัจจุบัน การเกษตรมีทั้งเกษตรผสมผสาน เกษตรยั่งยืน และยังมีอีกกลุ่มที่ทำเกษตรเชิงเดียว รวมทั้งมีองค์กรที่เข้มแข็งให้การสนับสนุนและมีการตั้งกลุ่มที่มีประสิทธิภาพ ชุมชนหนองบัวแปะจะมีวิถีชีวิตที่ดีโดยไม่ต้องพึ่งปัจจัยภายนอกมากนัก เพราะในชุมชนมีสิ่งที่ตอบสนองปัจจัยขั้นพื้นฐานอย่างครบถ้วนจึงไม่จำเป็นต้องหาปัจจัยภายนอกมากนัก
เมื่อเปรียบเทียบภาวะหนี้สินในชุมชน ก่อนและหลังปี พ.ศ. ๒๕๔๐ หลังปี พ.ศ.๒๕๔๐ ชาวบ้านมีหนี้สินลดลงจาเดิมมาก เพราะสาเหตุที่เกิดภาวะหนี้สินในชุมชนคือการยืมมาเพื่อทำการเกษตร เช่นการซื้อปุ๋ย การซื้อสารเคมี โดยเฉพาะการซื้อปุ๋ยซึ่งมีราคาแพงขึ้นทุกวัน แต่หลังปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ชาวบ้านเริ่มหันมาใช้ปุ๋ยที่ทางกลุ่มในชุมชนทำขึ้นจึงสามารถลดหนี้สินและไม่เป็นการเพิ่มหนี้ได้เป็นอย่างดี
การประกอบอาชีพของชุมชนหนองบัวแปะยังยึดการทำนาแต่ได้เปลี่ยนจากนาดำมาเป็นนาหว่าน และหลังปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ได้มีการประกอบอาชีพเสริมมากขึ้น แต่ปัจจัยภายนอกที่ชาวบ้านหนองบัวแปะไม่สามารถลดได้คือ การใช้เครื่องทุ่นแรง เช่น รถไถเดินตาม จึงทำให้ยังมาการใช้อยู่ และเกิดปัญหาจากภาวะน้ำมันที่สูงขึ้นในปัจจุบัน(๒๕๕๓)
ถ้าดูจากวิถีชีวิตในครอบครัวของชาวบ้านในชุมชนหนองบัวแปะแล้วพบว่าครอบครัวมีความสุข คือมีความสุขจากการที่มีครอบครัวที่อบอุ่นถึงแม้รายได้ที่ได้จากการประกอบอาชีพในชุมชนจะไม่มากไม่ต้องดิ้นรนหาทำงานนอกพื้นที่ซึ่งเป็นการอยู่ห่างไกลบุตรทำให้เกิดปัญหาในสังคมดังที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน และภาระทางหนี้สินก็ไม่เพิ่มขึ้น ทุกคนอยู่ได้ด้วยความพอเพียงมีอะไรก็สามารถหาได้ตามไร่นาและผลผลิตที่ปลูกขึ้นเอง และยังส่งผลให้ไม่มีปัญหาเรื่องเยาวชนไปมั่วสุมติดยาเสพติดเพราะครอบครัวมีความสุขนี่เอง
จากการที่มีการผลิตปุ๋ยชีวภาพนั้นทำให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการผลิต ทำให้ชาวบ้านมีความสามัคคี ซึ่งจากการสังเกตพบว่าเมื่อมีการเกณฑ์แรงงานชาวบ้านมาทำงานร่วมกับชุมชน เช่น การทำความสะอาดเพื่อพัฒนาหมู่บ้าน ก็ได้รับความร่วมมือจากทุกคนเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังพบได้จากการใช้วัดเป็นศูนย์รวมของเยาวชน ซึ่งพระอาจารย์ปัญญาเป็นผู้ทำให้เยาวชนมีความผูกพันกับสถาบันทางศาสนา และยังใช้วัดเป็นสถานที่จัดกิจกรรมของเยาวชน เช่น การเล่นกีฬาในตอนเย็นของทุกวัน การศึกษาธรรมมะวันอาทิตย์ และเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่ผ่านมาข้าพเจ้าได้เป็นวิทยากรในการอบรมเยาวชนของหมู่บ้าน วัตถุประสงค์ของผู้นำชุมชนคือต้องการที่จะให้เยาวชนได้มาแลกเปลี่ยนทัศนคติและได้มารวมกลุ่มกันทำกิจกรรม ผลปรากฏว่าได้รับความร่วมมือจากเยาวชนและชาวบ้านเป็นอย่างดี จึงสามารถสรุปได้ว่าจากการที่เกิดกลุ่มขึ้นในชุมชน ชาวบ้านมีความรักและสามัคคีกันเป็นอย่างดี จากความเข้มแข็งของชุมชนหนองบัวแปะ ชุมชนนี้ยังเป็นชุมชยปลอดเหล้าด้วย จากการสำรวจพบว่าทั้งเด็ก เยาวชน และชาวบ้านไม่มีการดื่มของมึนเมาเลย ซึ่งแสดงความเข้มแข็งและการให้ความร่วมมือของทุกคนในชุมชน
จากความเข้มแข็งของชุมชนหนองบัวแปะทำให้ชื่อเสียงของชุมชนหนองบัวแปะเป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไป และยังได้รับรางวัลต่างๆระดับจังหวัดและระดับประเทศอีกด้วย เช่น
๑. ได้รับรางวัล OTOP ระดับสองดาว ในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ (ปุ๋ยชีวภาพ)
๒. ได้รับรางวัล OTOP ระดับสามดาว ในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ (ปุ๋ยชีวภาพ)
๓. ได้รับรางวัลดีเด่นในการประกวดวิสาหกิจชุมชน ประเภทปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ
๔. รางวัลชนะเลิศการประกวดหมู่บ้านเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ของจังหวัดมหาสารคาม ปี พ.ศ. ๒๕๕๐
๕. รางวัลชนะเลิศการประกวดหมู่บ้านเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ระดับประเทศ ปี พ.ศ. ๒๕๔๙
๖. สตรีดีเด่น สาขาเกษตรกรรม (นางสายทอง พันธุวร ) ผู้ริเริ่มโครงการทำปุ๋ยชีวภาพ
ซึ่งรางวัลต่างๆที่ชุมชนหนองบัวแปะได้รับนี้ ทำให้เป็นข้อสนับสนุนในการจำหน่ายปุ๋ยชีวภาพด้วยทำให้กลุ่มลูกค้าที่ใช้ปุ๋ยของชุมชนหนองบัวแปะมีความพึงพึงใจและมั่นใจในคุณภาพ
จากการสอบถามผู้ใช้ในตัวอำเภอยางสีสุราช ซึ่งข้าพเจ้าได้ติดตามกลุ่มปุ๋ยชีวภาพเพื่อนำปุ๋ยไปส่ง พบว่ามีการเริ่มใช้ปุ๋ยของกลุ่มนี้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๗ เป็นต้นมา สาเหตุที่หันมาเลือกใช้ปุ๋ยชีวภาพแทนปุ๋ยเคมีคือ มีราคาถูกว่ามากทำให้ต้นทุนในการผลิตไม่สูงเหมือนการใช้ปุ๋ยชีวภาพ และเป็นการลดการติดหนี้จากการใช้ปุ๋ยเคมี เพราะการใช้ปุ๋ยเคมีนั้นชาวบ้านจะนำปุ๋ยออกมาใช้ก่อนเมื่อได้ผลผลิตแล้วจึงจะจ่ายเงิน จากสาเหตุนี้เมื่อปีใดที่ผลผลิตไม่ได้ผลชาวบ้านก็จะขาดทุนและเกิดการเป็นหนี้ในที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น