ครั้งแรก.........ที่เมืองแขก
ในช่วงเช้าของวันที่ 16 มีนาคม 2553 เพื่อนร่วมเดินทางทั้งอาจารย์และนิสิตต่างมาพร้อมกันที่พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หรือที่ชาว มมส. เรียกกันว่า เอือนอีสาน หรือบ้านอีสาน
เราออกเดินทางเวลาประมาณ 7.00 น. เพราะเราต้องขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรรณภูมิในเวลาประมาณ 19.00 น.ของวันนั้น หลายคนพักผ่อนเอาแรงเพื่อเตรียมพร้อมที่จะตะลุยเมืองแขก ผมจำได้ว่า เรานั่งรถคันใหม่ของมหาวิทยาลัยไป พึ่งแกะกล่องเลย ดีใจมาก
เมื่อถึงสนามบิน บอกได้เลยว่าวันนั้นคนเยอะมาก การแพคของขึ้นเครื่องและขั้นตอนของการตรวจคนเข้าเมืองจึงช้านิดๆ เราไปด้วยเครื่อง TG330 ของสายการบินไทย ซึ่งพี่ๆแอร์โฮสเตสก็ใจดีกันทุกคน เป็นกันเองกับเรามาก พี่เค้าเห็นเราเป็นคนไทยก็เชิญให้ไปกินอาหารและขนมหลังเครื่องบินซึ่งเป็นที่เก็บอาหาร แต่ผมก็ไม่กล้าไปหรอก เกรงใจ แต่ถึงแม้จะภูมิใจ แต่เมื่อถึงที่นั่งของผม ผมรู้สึกว่าเสียใจมากเพราะนั่งติดชาวต่างชาติ แต่! ชาวต่างชาติก็ไม่เท่าไร่ สำหรับผม แต่นี่ ! “แขก” ครับพี่น้อง ผมไปอินเดียเป็นครั้งแรก รู้สึกว่ากลิ่นตัวเค้าแรงมาก เหมือนกับกลิ่นเครื่องเทศพวกพะโล้บวกกับอะไรสักอย่าง และมีกลิ่นเปรี้ยวๆของเหงื่อ ถัดมาเป็นอาจารย์ ตุ๊ก คณะศิลปกรรม อาจารย์แกหัวเราะใหญ่เลย เมื่อให้สีหน้าของผม ผมเห็นแกดมพิมเสน เลยขอแกมาดมให้หายเหม็น แต่ก็ช่วยได้สักพัก พอเครื่องขึ้น ถือว่าโชคยังเข้าข้างผมอยู่ เพราะแถวหลังว่าง ผมก็เลยชวนพี่ก้าน ศึกษาศาสตร์ไปนั่ง
มื่อเครื่องไต่ระดับความสูงได้ที่ เหล่าสาวๆ แอร์โฮสเตสก็นำอาหารและเครื่องดื่มมาบริการ รู้สึกว่าอาหารรสชาติท้องถิ่นมากๆเลย (ท้องถิ่นบ้านเค้านะ) เครื่องเทศเยอะมาก แทบกินไม่ได้
เมื่อเดินทางถึงที่สนามบินเมืองไฮเดอราบัด ทางมหาวิทยาลัยไฮเดอราบัด หรือที่เค้าเรียกกันว่า “ยูนิเวอร์ซิสตี้ อ๊อฟ ไฮเดอราบัด” เมือผมเห้นรถผมไม่คิดเลยแม้แต่น้อยว่าจะเป็นรถมหาวิทยาลัย ผมว่าน่าจะเป็นรถเรือนจำมากกว่า ก็ดูสิครับ..ติดเหล็กทั้งคัน ผมคิดว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุ คงได้ลงหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งแน่ “นิสิต ม.สารคาม ดับอนาถในต่างแดน เหตุรถคว่ำ ไม่มีทางออก คนขับชี้ มหาลัยออกแบบรถ” 555+ คิดเล่นๆ ก็เสียว ภาวนาอย่าให้เกิดกับพวกเราเลย
ระยะทางจากสนามบิน ถึงมหาวิทยาลัยไฮเดอราบัดก็ไกลพอสมควร แต่ภายในรถก็ครึกครื้นไปด้วยเสียงพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน นินทาเรื่องรถบ้าง เพราะพวกเราคิดว่า “เค้าไม่รู้เรื่องหรอก”
หลังจากถึงมหาวิทยาลัยไฮเดอราบัดแล้วก็นอนพักผ่อนเอาแรง ในหอพักที่เป็นที่อยู่ของนักศึกษาชาวต่างชาติ (เป็นหอในครับ) แต่ก็สะดวกดี ข้างล่างจะเป็นที่รับประทานอาหารแทบทุกมื้อของเราก็ว่าได้ ผมนอนที่ชั้น 2 กับพี่ชมรมเดียวกัน และวันนั้นเราก็หลับอย่างสบาย เตรียมรับมือกับเช้าวันพรุ่งนี้
เราตื่นนอนกันเช้าพอสมควร เพราทุกคนต่างตื่นเต้นกับการมาเยือนเมืองแขก และวันนี้เราต้องแสดงดปงลางในมหาวิทยาลัยด้วย แต่ต้องขับรถออกไปในตึกเรียนอีก อยากบอกว่าหอในไกลกว่าหอนอกบ้านเราอีก แต่นักศึกษาส่วนมากเค้าไม่ใช่รถจักรยานยนต์เหมือนบ้านเรานะแต่เค้าใช้จักรยาน
เมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร ทุกคนต่างรีบลงมาที่ชั้น 1 ที่เป็นห้องรับประทานอาหาร เพราะ เมื่อคืนทุกคนกินอาหารบนครึ่งไม่ได้ เพราะได้กลิ่นเครื่องเทศ แต่อาหารมื้อนี้ก็ทำให้ทุกคนผิดหวัง เพราะเค้าพยายามที่จะนำเสนออาหารบ้านเค้ามาก แต่ละอย่าง กลิ่นแรงๆ ทั้งนั้น หลายคนจึงเลือกที่จะกินเพียงไข่ต้ม ซีเรียล และกล้วย เป็นอาหาร
ทานอาหารเสร็จแล้วก็ออกมารอรถที่จะมารับไปดูสถานที่ที่จะแสดง และเป่าแคนกันอย่างสนุกสนาน สักครู่หนึ่งรถก็มารับ เมื่อทุกคนเห็นรถ ต่างอุทานออกมาพร้อมกันว่า โอ้วววววว และหัวเราะ คุณลองจินตนาการดูสิ ว่าถ้าเอาปี๊ปมาใส่ล้อ และใส่หระจกจะเป็นยังไง ยิ่งกว่าคันเมื่อคืนอีก
(ว่างๆเด่วกลับมาเล่าให้ฟังต่อนะคับ)
เป็นบทความที่เขียนเรื่องการเที่ยวในอินเดีย ใครอยากไปเที่ยวโดยไม่ต้องเสียตังค์แม้แต่บาทเดียว เ๙ิญอ่านทางนี้
ตอบลบ